มือถือกลายเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากในชีวิตประจำวัน ทั้งใช้ในการติดต่อสื่อสาร การทำงาน และความบันเทิง เพื่อให้มือถือของคุณใช้งานได้ยาวนานและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญมาก นี่คือเคล็ดลับในการดูแลมือถืออย่างถูกต้อง:
1. ทำความสะอาดมือถือเป็นประจำ
การทำความสะอาดมือถือ หรือการดูแลมือถือ อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพราะมือถือเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและแบคทีเรีย นี่คือขั้นตอนที่ควรปฏิบัติ:
- เช็ดหน้าจอและตัวเครื่อง: ใช้ผ้านุ่มหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ในการเช็ดทำความสะอาดหน้าจอและตัวเครื่อง ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีแรงๆ เช่น แอลกอฮอล์เข้มข้น เพราะอาจทำให้หน้าจอเสียหายได้ ควรใช้น้ำยาสำหรับเช็คหน้าจอโดยเฉพาะเท่านั้น
- ทำความสะอาดรูเชื่อมต่อต่างๆ: ช่องชาร์จและลำโพงมักสะสมฝุ่นและคราบสกปรก ใช้แปรงขนนุ่มหรือลูกยางเป่าฝุ่น เพื่อป้องกันการสะสมที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งาน *อย่าใช้พวกน้ำยา หรือของเหลว เพราะมันอาจจะทำให้ภายในชื้นได้**
การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีช่วยให้มือถือดูใหม่อยู่เสมอ และป้องกันปัญหาที่เกิดจากฝุ่นหรือคราบสกปรกสะสม
2. อัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
การอัปเดตระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันเป็นสิ่งสำคัญมากในการรักษาประสิทธิภาพการทำงานของมือถือ รวมถึงความปลอดภัยในด้านข้อมูล:
- ติดตามการอัปเดตซอฟต์แวร์: ควรตรวจสอบว่าได้อัปเดตระบบปฏิบัติการอยู่เสมอ เพราะการอัปเดตเหล่านี้มักแก้ไขปัญหาบั๊กและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่อง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการถูกโจมตีจากมัลแวร์
- อัปเดตแอปพลิเคชัน: แอปต่างๆ ในมือถือควรอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เนื่องจากอัปเดตเหล่านี้ไม่เพียงช่วยแก้ไขปัญหาการใช้งาน แต่ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน ตัวอย่างเช่น อาจจะทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้เพื่มขึ้นในการใช้แอพนั้นๆ เป็นต้นครับ
3. หลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
สภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้น หรือแสงแดดที่แรงมาก อาจทำให้มือถือเกิดปัญหาด้านฮาร์ดแวร์หรือแบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น:
- ระวังความร้อน: หลีกเลี่ยงการใช้มือถือในที่ที่อุณหภูมิสูง เช่น การใช้มือถือนอกบ้านในช่วงแดดจัด หรือวางมือถือในรถที่อากาศร้อน เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปและเกิดปัญหาการเสื่อมสภาพได้ และหนาวเกินไปเครื่องอาจดับเองได้เช่นกันครับ
- เก็บอุปกรณ์ในที่แห้ง: หลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือในที่ชื้นหรือใกล้แหล่งน้ำ หากต้องใช้งานในพื้นที่เสี่ยง ควรใช้เคสกันน้ำเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ถึงแม้มันจะบอกว่ากันน้ำก็ตามทีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ
4. ใช้เคสและฟิล์มกันรอย
ข้อนี้หลายคนน่าจะไม่พลาดนะครับ การปกป้องมือถือจากการกระแทกและรอยขีดข่วนเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยรักษาสภาพของมือถือให้เหมือนใหม่ และป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการตกหรือกระแทก:
- การใส่ case เคสมือถือช่วยป้องกันการกระแทกจากการตกหล่นหรือการชนกับสิ่งของต่างๆ ควรเลือกเคสที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับรุ่นมือถือของคุณ
- ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอ: ฟิล์มกันรอยเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรติดตั้งเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนหน้าจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมือถือที่มีหน้าจอสัมผัส
5. การจัดการแบตเตอรี่อย่างถูกต้อง
ข้อนี้สำคัญมากในการดูแลมือถือ คือ แบตเตอรี่เป็นส่วนที่เสื่อมสภาพได้เร็วที่สุดในการใช้งานมือถือ ดังนั้นควรรู้จักวิธีดูแลรักษาเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ให้ใช้ได้นานขึ้น:
- อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดบ่อย: การปล่อยให้แบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20% บ่อยครั้ง จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น ควรชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-30% อย่างน้อยที่สุดครับ
- หลีกเลี่ยงการชาร์จข้ามคืน: การเสียบชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืนเป็นเวลานานจะทำให้แบตเตอรี่รับพลังงานเกินและเสื่อมเร็ว ควรชาร์จในเวลาที่สามารถถอดสายได้ทันทีเมื่อชาร์จเสร็จ
6. หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
การติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้มือถือของคุณเสี่ยงต่อไวรัสหรือมัลแวร์ นอกจากนี้ยังอาจเกิดปัญหาการทำงานผิดปกติจากแอปที่ไม่ได้มาตรฐาน:
- ติดตั้งแอปจาก App Store หรือ Google Play Store: เป็นแหล่งที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ในการดาวน์โหลดแอป แอปที่มาจากแหล่งอื่นอาจมีความเสี่ยงต่อการแฝงมัลแวร์หรือโปรแกรมที่ไม่พึงประสงค์
- ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากอินเทอร์เน็ต: หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา หรือลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจมีไวรัสหรือมัลแวร์แฝงตัว อันนี้เงินในบัญชีหายกันมาหลายรายแล้ว ระวังด้วยนะครับ
7. ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่ใช้งาน
การเปิดเชื่อมต่อ เช่น Wi-Fi, Bluetooth หรือ GPS ตลอดเวลาจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น และยังเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบหรือการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว:
- ปิด Wi-Fi และ Bluetooth เมื่อไม่ใช้งาน: การปิดการเชื่อมต่อที่ไม่ใช้งานจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่และลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีผ่านช่องทางเหล่านี้
- ใช้โหมดประหยัดพลังงานเมื่อจำเป็น: มือถือสมัยใหม่มักมีโหมดประหยัดพลังงาน ที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแอปพลิเคชันที่ทำงานเบื้องหลัง ทำให้เครื่องใช้งานได้นานขึ้นเวลาแบตเตอรี่ใกล้หมด
การดูแลมือถืออย่างถูกวิธีไม่เพียงแค่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังทำให้คุณได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น และช่วยรักษามูลค่าของเครื่องเมื่อถึงเวลาที่คุณต้องการขายต่อหรือจำนำ หมั่นทำความสะอาด ตรวจสอบการอัปเดต และใช้งานอย่างระมัดระวัง เพื่อให้มือถือของคุณทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในระยะยาว